tag:blogger.com,1999:blog-57196864858529133772024-03-06T00:11:26.512-08:00วัดใหม่เจริญผลbanjonghttp://www.blogger.com/profile/05545787842318670401noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-5719686485852913377.post-650879156193101432012-11-28T02:32:00.001-08:002012-12-06T18:37:45.753-08:00ประวัติวัดใหม่เจริญผล<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-family: Tahoma, 'Helvetica Neue', Arial, 'Liberation Sans', FreeSans, sans-serif; line-height: 15px;"></span><br />
<div>
<b><span class="Apple-style-span" style="color: red; font-size: large;">ประวัติวัดใหม่เจริญผล</span></b><span class="Apple-style-span" style="font-size: 12px;"><b></b></span><br />
<br />
<strong style="font-size: 12px;"> ๑. ก่อนที่จะเป็นวัดใหม่เจริญผล </strong><span class="Apple-style-span" style="font-size: 12px;"> วัดใหม่เจริญผล เดิมชื่อ “วัดราษฎร์เจริญผล” ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง หมู่บ้านครก ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดราชบุรี อยู่ใกล้กับโรงงานน้ำตาลประจวบอุตสาหกรรม (อยู่ห่างจากวัดใหม่เจริญผลในปัจจุบัน ๑-๒ กิโลเมตร) ไม่มีใครทราบว่าสร้างตั้งแต่เมื่อไร และใครเป็นผู้สร้าง เพราะประวัติเกี่ยวกับวัดไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แม้แต่คนเฒ่าคนแก่ท่านก็บอกแต่เพียงว่า เมื่อท่านเติบโตขึ้นมาก็เห็นวัดราษฎร์เจริญผลแล้ว</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: 12px;"> จากการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับวัดเก่านี้ได้ความว่า ที่ดินที่สร้างวัดราษฎร์เจริญผลเป็นที่ดินของ ตานวม ยายจันทร์ ภุมิรา และ ตาวร ยายพลับ นิ่มนุช ได้บริจาคที่ดิน (จำนวนกี่ไร่ไม่มีหลักฐาน) สร้างวัดขึ้น แล้วตั้งชื่อว่า “วัดราษฎร์เจริญผล” เป็นที่ทำบุญบำเพ็ญกุศลของประชาชนในเขตบ้านครก ส่วนพระสงฆ์ในวัดและเจ้าอาวาสนั้นไม่มีข้อมูลชัดเจน จากการสอบถามคนเฒ่าคนแก่ในปัจจุบัน ท่านบอกแต่เพียงเท่าที่จำได้ในสมัยที่ท่านเป็นเด็กว่า เจ้าอาวาสในวัดเก่านี้มี หลวงตาช่วย หลวงตาลิ่ม หลวงพ่อสิน หลวงตานวม และหลวงตาสู ปรากฏว่าหลวงพ่อที่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดราษฎร์เจริญผลนี้ไม่มีรูปใดที่อยู่ได้นาน บางรูปอยู่ได้ไม่กี่ปีก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น (ทำให้ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับเจ้าอาวาสเลย)</span><br />
<br /><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: 12px;"> ด้วยเหตุที่วัดตั้งอยู่ใกลจากหมู่บ้าน การเดินทางไปทำบุญที่วัดจึงลำบาก มีคนเข้าวัดน้อยมาก เนื่องจากเป็นป่าไม้ ถนนหนทางไม่สะดวก และด้วยเหตุที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง จึงทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในช่วงฤดูฝน ดังนั้นชาวบ้านและพระสงฆ์จึงร่วมใจกัน ย้ายวัดจากพื้นที่เดิมอยู่หมู่บ้านครกมาที่หมู่บ้านท่าเรือ ในเขตพื้นที่เดี่ยวกันอยู่ห่างจากพื้นที่วัดเก่าประมาณ ๑-๒ กิโลเมตร เป็นสถานที่อยู่ระหว่างหมู่บ้านท่าเรือและหมู่บ้านครก สันนิษฐานกันว่า ย้ายวัดในช่วงสมัย หลวงตานวมและหลวงตาสู โดยมีตาวรนิ่มนุช และตาเห็ง ภูมราเป็นกำลังสำคัญฝ่ายฆราวาส ในปี พ.ศ. ๒๔๖๙</span></div>
<div style="font-size: 12px;">
<strong>๒. วัดใหม่เจริญผลในอดีต</strong> วัดราษฎร์เจริญผลเมื่อย้ายมาสร้างใหม่ที่หมูบ้านท่าเรือ ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า “วัดใหม่ราษฎร์เจริญผล” (จากศิลาหินอ่อนในอุโบสถ) เพราะถือการย้ายวัดมาสร้างใหม่เป็นชื่อวัด วัดใหม่นี้มีเนื้อที่ประมาณ ๓๔ ไร่ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือกันสร้างระหว่างชาวบ้าน โดยการเสียสละที่ดิน และก่อสร้างเสนาสนะเป็นที่พักสงฆ์ นับตั้งแต่มีการสร้างวัดใหม่นั้นมีประวัติไม่ชัดเจน แต่ที่ปรากฏชัดเจนตั้งแต่สมัยพระครูกาญจนวิสุทธิ์ (หลวงพ่อเพลิน ปริสุทฺโธ) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสที่จำอยูที่ วัดใหม่ราษฎร์เจริญผลนานทีสุด และมีบทบาทเด่นที่สุดในการก่อสร้างและพัฒนาวัด ต่อมาทางราชการได้แบ่งพื้นที่การปกครองใหม่ โดยจัดให้เขตอำเภอท่ามะกาขึ้นต่อจังหวัดกาญจนบุรี วัดจึงเป็นวัดในเขตจังหวัดกาญจนบุรีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วัดใหม่ราษฎร์เจริญผลนับตั้งแต่มาสร้างในเขตพื้นที่ใหม่ ชาวบ้านมักนิยมเรียกสั้นๆว่า “วัดใหม่” หรือ”วัดใหม่เจริญผล” เพราะเป็นชื่อที่เรียกง่ายและเข้าใจกัน โดยตัดคำว่า “ราษฎร์” ออกไปภายหลังทางราชการจึงเรียกชื่อตามชาวบ้านว่า “วัดใหม่เจริญผล” จนถึงปัจจุบัน</div>
<div style="font-size: 12px;">
<strong>๓. เจ้าอาวาสวัดใหม่เจริญผล</strong> นับตั้งแต่ย้ายวัดมาสร้าง ณ หมู่บ้านท่าเรือนั้น ไม่มีหลักฐานว่ามีเจ้าอาวาสแล้วกี่รูป แต่เจ้าอาวาสรูปที่มีบทบาทมากที่สุด และอยู่จำในวัดใหม่เจริญผลมากที่สุดคือ พระครูกาญจนวิสุทธิ์ (หลวงพ่อเพลิน ปริสุทฺโธ) หลวงพ่อเพลินเข้ามาจำอยู่ในวัดใหม่เจริญผลตั้งแต่เมือไรไม่มีหลักฐานปรากฏ แต่ตามประวัติท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดใหม่เจริญผลในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ (หลวงพ่อเพลินอุปสมบทเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕ ณ อุโบสถวัดแสนตอ) หลวงพ่อเพลินมรณภาพเมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๔๐ และได้ทำพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๑<br />
(๒) พระมหาเมธี อินฺทรโชโต ป.ธ. ๙ เป็นศิษย์เอกอีกรูปหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการวางรากฐานทางการศึกษาแก่วัดใหม่เจริญผล เมื่อหลวงพ่อเพลินถึงแก่มรณภาพ คณะสงฆ์ได้แต่งตั้งท่านให้เป็นเจ้าอาวาสวัดใหม่เจริญผล เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๔๐ พระมหาเมธี อินฺทรโชโต มรณภาพ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๔<br />
(๓) พระครูวิสาลกาญจนกิจ (โท เขมจิตฺโต) รักษาการเจ้าอาวาส พ.ศ.๒๕๔๔-๒๕๔๖<br />
(๔) พระครูปลัดธีรพงษ์ ฐานุตฺตโร (เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน) ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดใหม่เจริญผล ในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ จนถึงปัจจุบัน<br />
<br />
<strong>๔. วัดใหม่เจริญผลในปัจจุบัน (๒๕๕๒)</strong></div>
<div style="font-size: 12px;">
<strong>๑. สถานภาพปัจจุบัน</strong><br />
ปัจจุบันวัดใหม่เจริญผลเป็นวัดราษฎร์ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองท่าเรือ - พระแท่น ตำบลท่าเรือ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ถนนแสงชูโต (สายเก่า) ที่กิโลเมตรที่ 99 จากกรุงเทพมหานคร ตำบลท่าเรือ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี<br />
เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน คือ พระครูปลัดธีรพงษ์ ฐานุตฺตโร ซึ่งเป็นลูกศิษย์รูปหนึ่งของพระครูกาญจนวิสุทธิ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๖ หลังจากที่ พระมหาเมธี อินทโชโต มรณภาพแล้ว ๑ ปี และเป็นผู้พัฒนาวัด และสนับสนุน ให้เป็นค่ายฝึกอบรมคุณธรรมจริยธรรม “ค่ายพุทธบุตร” แก่เยาวชนในพื้นที่ และเขตใกล้เคียง ปัจจุบันมีอาณาเขต ดังนี้<br />
ทิศเหนือ ติดถนนเข้าสุสานตระกูลล้อ<br />
ทิศไต้ ติดหมู่บ้านครก, ตลาดใหม่<br />
ทิศตะวันออก ติดถนนแสงชูโต สายใน กรุงเทพ - กาญจนบุรี<br />
ทิศตะวันตก ติดโรงเรียนท่าเรือพิทยาคม (พื้นที่โรงเรียนยังเป็นกรรมสิทธิ์ของวัด) และแม่น้ำแม่กลอง<br />
<strong>๒. ศาสนสถานในวัดใหม่เจริญผล</strong><br />
<strong>อุโบสถ </strong> อุโบสถของวัดในปัจจุบันเป็นอุโบสถที่บูรณะซ่อมแซมจากหลังเก่า โดยเริ่มก่อสร้าง บูรณะในปี พ.ศ. ๒๕๑๐ แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ และปิดทองฝังลูกนิมิตในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ในอุโบสถมีพระพุทธรูป “สมเด็จพระบรมครู สัมมาสัมโพธิญาณ” เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ หน้าตัก ๖๐ นิ้ว อุโบสถหลังนี้เป็น เป็นอุโบสถ ๒ ชั้น มีชั้นไต้ดิน ๑ ชั้น และชั้นบนอีก ๑ ชั้น แต่ชั้นไต้ดินยังสร้างไม่เสร็จจึงปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ในปัจจุบันใช้ประโยชน์เฉพาะอุโบสถชั้นบนเท่านั้น บริเวณรอบเขตสีมาเขตอุโบสถมีกุฏิสงฆ์ขนาดเล็ก ๔ หลัง ๔ มุมของอุโบสถ อยู่ในเขตกำแพงอุโบสถ เป็นกุฏิขนาดเล็ก ขนาดห้องเดียว เป็นที่พำนักจำพรรษาของพระภิกษุ<br />
<strong>ลานธรรมกาญจนวิสุทธิ์</strong> ลานธรรมกาญจนวิสุทธิ์ เป็นลานธรรมธรรมชาติไต้ร่มไม้ ขนาดกว้าง ๑๘ เมตร และขนาดยาว ประมาณ ๓๐ เมตร ปูพื้นด้วยพื้นปูนตัวหนอน มีรั้วเหล็กดัดโดยรอบสูงประมาณ ๑ เมตร ด้านหน้าและด้านหลังมีประตูด้านละ ๒ ประตู และด้านซ้ายขาวด้านละ ๑ ประตู เป็นสถานที่สำหรับประกอบกิจกรรมของวัดในการจัดอบรมปฏิบัติธรรม จัดอบรมเข้าค่ายคุณธรรมจริยธรรม<br />
<strong>อาคารศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์</strong> อาคารศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์เป็นอาคารขนาด ๒ ชั้นชั้นล่าง ๒ ห้อง ชั้นบน ๒ ห้อง สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗ ปัจจุบันเป็นห้องเรียนของศูนย์ศึกษานอกโรงเรียนอำเภอท่ามะกา<br />
<strong>ศาลาการเปรียญ หรือศาลาโรงฉัน</strong> เป็นศาลาขนาดใหญ่ 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นสถานที่ทำภัตกิจของพระสงฆ์และเป็นที่ประกอบพิธีกรรมในวันธรรมสวนะ และวันสำคัญทางศาสนา มีห้องน้ำห้องสุขาจำนวน 4 ห้อง ส่วนชั้นบน ใช้เป็นที่พักของผู้มาเข้าค่ายคุณธรรมจริยธรรม หรือเข้าค่ายปฏิบัติธรรม มีห้องน้ำห้องสุขาจำนวน 2 ห้อง<br />
<strong>กุฏิพระครูกาญจนวิสุทธิ์</strong> เป็นกุฏิ 2 ชั้น สร้างถวายโดย คุณแก้ว และคุณระเบียบ พึงประสบ เป็นกุฏิที่พำนักของสงฆ์ในวัด<br />
<strong>กุฏิหลังใหญ่</strong> เป็นที่พักของพระสงฆ์ในวัด ขนาดใหญ่ 2 ชั้น ชั้นบนเป็นที่พักของพระสงฆ์ มีจำนวน 12 ห้อง ชั้นล่างจำนวน 12 ห้อง ส่วนห้องโถงตรงกลางของชั้นล่าง ใช้เป็นที่อบรมคุณธรรมจริยธรรม ทำกิจวัตรสำหรับผู้มาอบรม<br />
<strong>กุฏิร่วมใจสามัคคี</strong> เป็นกุฏิสำนักงานเจ้าอาวาส ขนาด 2 ชั้น ชั้นล่าง แบ่งเป็น 2 ห้อง และชั้นบนแบ่งเป็น 4 ห้อง<br />
<strong>กุฏิคุณโยมยิ้น ตั้งสากล</strong> เป็นกุฏิที่สร้างถวายโดย คุณโยมยิ้น ตั้งสากล เป็นกุฏิชั้นเดียวห้องเดียว พร้อมห้องน้ำ 1 ห้อง<br />
<strong>กุฏิคุณระเบียบ พึงประสบ</strong> เป็นกุฏิห้องเดียวชั้นเดียว มีห้องน้ำในตัว พร้อมติดตั้งแอร์ มีขนาดและแบบเดียวกันกับกุฏิโยมยิ้น เป็นกุฏิสำหรับรับรองพระอาคันตุกะ<br />
<strong>กุฏิรับรองอาคันตุกะ</strong> เป็นกุฏิขนาดชั้นเดียว ห้องเดียว พร้อมแอร์ สร้างถวายโดย นายยัง รงค์ฤทธิไกร และนายซิ้นฝัด เซี่ยงหยุง เป็นกุฏิขนาดและแบบเดียวกับกุฏิคุณระเบียบ เป็นกุฏิรับรองพระสงฆ์หลังที่สอง<br />
<strong>ศาลาสว่างอนุสรณ์</strong> สร้างถวายโดย คุณแม่สว่าง โกมลโชติ เป็นกุฏิขนาดชั้นเดียว ห้องเดียว พร้อมห้องน้ำ เป็นกุฏิขนาดและแบบเดียวกันกับกุฏิรับรองสงฆ์<br />
<strong>กุฏิแดง</strong> เป็นกุฏิไม้ 2 ชั้นทาสีแดงทั้งหลัง ชั้นล่างเป็นห้องพัสดุ เก็บวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ถ้วย ชาม จาน หม้อ แก้ว เป็นต้น สำหรับให้ประชาชนยืมไปใช้เมื่อคราวมีงาน ส่วนชั้นบนเป็นที่พำนักสงฆ์มีจำนวน 2 ห้อง (ไฟไหม้ปี ๒๕๕๒ทำการรื้อถอนและสร้างทดแทน)<br />
<strong>กุฏิทรงไทย</strong> เป็นกุฏิไม้ชั้นเดียว ยกพื้นสูงประมาณ 2 เมตรจากพื้น เป็นกุฏิที่พักสงฆ์ที่เก่าแก่ที่สุดในวัด มีจำนวนห้องเดียว<br />
<strong>หอระฆัง</strong> เป็นหอระฆังขนาด 2 ชั้น สร้างด้วยปูน<br />
<strong>ศาลาประดิษฐานรูปหล่อพระครูกาญจนวิสุทธิ์ (พลวงพ่อเพลิน ปริสุทฺโธ)</strong> ขนาดหน้าตัก 24 นิ้ว ปูพื้นหินอ่อน สร้างไว้เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน<br />
<strong>ศาลาประดิษฐานรูปหล่อพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อวัดปากน้ำ)</strong> เป็นศาลาปูพื้นหินอ่อน รูปแบบเดียวกับศาลาประดิษฐานรูปหล่อพระครูกาญจนวิสุทธิ์ สร้างถวายโดย คุณเด่น คุณบุญเพิ่ม ชลธีกุล รูปหล่อขนาดหน้าตัก 28 นิ้ว<br />
<strong>ฌาปนสถาน (เมรุ)</strong> เป็นสถานที่ในการประกอบการฌาปนกิจศพ (เผาศพ) ปูพื้นด้วยหินอ่อน<br />
<strong>ศาลาศิรินาคราชอุทิศ</strong> เป็นศาลาที่พักศพรอการประกอบพิธีฌาปนกิจ สร้างโดยตระกูลนาคราช<br />
<strong>ศาลากาญจนวิสุทธิ์</strong> เป็นศาลาที่สร้างเมื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระครูกาญจนวิสุทธิ์ (หลวงพ่อเพลิน ปริสุทฺโธ) เป็นศาลาหลังโปร่ง ปูด้วยกระเบื้องหินอ่อน ขนาด 18 เสา<br />
<strong>เจดีย์ขนาดใหญ่สีขาว</strong> ขนาดฐาน 10 เมตร สูง 15 เมตร อยู่ด้านหลังศาลาสว่างอนุสรณ์ เป็นเจดีย์บรรจุกระดูกตระกูลที่เสียสละที่ดินเพื่อสร้างวัด ได้แก่ มัธยมจันทร์ , พึงประสพ , เจริญพานิช , นาคราช , โกมลโชติ , สุขอร่าม , และเปรื่องกาญจน์<br />
<strong>ห้องน้ำห้องสุขา</strong> อยู่หลังกุฏิร่วมใจสามัคี มีห้องอาบน้ำรวม 2 ห้อง และห้องสุขา ๑๐ ห้อง (สำหรับผู้ชาย) และหลังศาลาการเปรียญ มีห้องอาบน้ำรวม ๔ ห้อง และห้องสุขา ๒๐ ห้อง (สำหรับผู้หญิง)<br />
<strong>สิ่งก่อสร้างใหม่ในสมัยพระครูปลัดธีพงษ์ ฐานุตฺตโร เป็นเจ้าอาวาส</strong><br />
<strong>หอประชุมหลังใหม่</strong> เพื่อใช้เป็นที่สำหรับอบรมค่ายคุณธรรมและการปฏิบัติธรรม ตลอดจนเป็นอาคารเอนกประสงค์ สิ้นค่าก่อสร้าง หนึ่งล้านสามแสนบาทเศษ<br />
<strong>เรือนแก้ว</strong> เป็นประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม สร้างถวายโดยครอบครัวจงสกุล สิ้นงบประมาณประมาณ ๗ แสนบาทเศษ<br />
<strong>ศาลาทรงไทย จำนวน ๒ หลัง</strong> หลังที่ ๑ พื้นปูกระเบื้อง เป็นที่ประดิษฐานพระสารีริกธาตุและพระพุทธรูปให้ประชาชนสักการะ <strong>หลังที่ ๒ </strong>พื้นปูไม้ยกพื้นประมาฯ ๑ ศอก มีระเบียงสำหรับประชาชนและที่รับแขกจุดนัดพบและสถานที่พักผ่อนของคณะครูที่นำนักเรียน นักศึกษามาเข้าค่ายฯ สิ้นงบประมาณ ๒ แสนบาทเศษ<br />
<strong>กำลังก่อสร้างศาลาปฏิบัติ </strong>เพื่อเป็นที่ปฏิบัติธรรมสำหรับผู้อาวุโส วันอาทิตย์ และ การอบรมกรรมฐานสำหรับเยาวชน งบประมาณ ๓ ล้านบาทเศษ ทดแทนกุฏิแดงที่โดนไฟไหม้<br />
<strong> กิจวัตรของพระภิกษุ 10 อย่าง</strong><br />
1. ลงอุโบสถ<br />
2. บิณฑบาตเลี้ยงชีพ<br />
3. สวดมนต์ไหว้พระ<br />
4. กวาดอาวาส วิหาร ลานเจดีย์<br />
5. รักษาผ้าครอง<br />
6. อยู่ปริวาสกรรม<br />
7. โกนผม ปลงหนวด ตัดเล็บ<br />
8. ศึกษาสิกขาบทและปฏิบัติพระอาจารย์<br />
9. เทศนาบัติ<br />
10. พิจารณาปัจเวกขณะ 4<br />
<strong>กฎระเบียบของพระภิกษุสามเณรวัดใหม่เจริญผล </strong><br />
1. ต้องศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดจนจบหลักสูตรนักธรรม<br />
2. ลงทำกิจวัตรสงฆ์ ทำวัตรเช้าเย็นทุกวันตามที่กำหนด<br />
3. ทำความเคารพซึ่งกันและกันตามอายุ-พรรษา<br />
4. บอกลาเจ้าอาวาสทุกครั้งเมื่อไปธุระนอกวัด หรือไปเยี่ยมบ้าน<br />
5. เมื่อมีกิจกรรมของวัดให้ร่วมกันทำงานจนแล้วเสร็จ<br />
6. ช่วยกันรักษาความสะอาดที่อยู่และบริเวณวัด<br />
7. ช่วยกันเก็บรักษาวัสดุครุภัณฑ์ของสงฆ์<br />
8. ลงประชุมพร้อมกันทุกครั้งเมื่อมีนัดประชุม<br />
9. ไม่พูดเสียงดัง หรือไม่พูดจาหยอกล้อกันเล่นในที่สาธารณะ<br />
10. ปิดน้ำปิดไฟทุกครั้งเมื่อไม่มีกิจจำเป็นที่จะใช้<br />
11. ญาติหรือเพื่อนมาเยี่ยมได้ไม่เกินเวลา 21.00 น.<br />
12. ห้ามเปิดเครื่องขยายเสียงดังจนรบกวนคนอื่น<br />
13. บวชยังไม่ได้ 5 พรรษา ห้ามมีทีวีเป็นของส่วนตัว<br />
14. ห้ามหยิบสิ่งของเครื่องใช้คนอื่นไปโดยไม่ได้รับอนุญาติ<br />
15. ห้ามเสพยาเสพย์ติดทุกชนิดอย่างเด็ดขาด<br />
16. เมื่อทำกิจวัตรยังไม่ทันเสร็จพร้อมกันห้ามลุกออกไป เว้นแต่ได้รับอนุญาต<br />
17. หากมีเรื่องไม่เข้าใจกันให้ปรึกษาเจ้าอาวาส<br />
18. การนุ่งผ้า ห่มผ้าต้องนุ่งให้เป็นปริมณฑล เหมาะสมตามสมณะสารูป<br />
19. พระภิกษุสามเณรจะทำ พูด คิด พึงสังวรระวังให้อยู่ในสมณะสารูป<br />
20. พระภิกษุสามเณรต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบนี้อย่างเคร่งครัด</div>
banjonghttp://www.blogger.com/profile/05545787842318670401noreply@blogger.com1